วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ยุคของคอมพิวเตอร์

วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์

 3,000 ปีก่อนประมาณ 3,000 ปีที่ผ่านมาชาวจีนได้รู้จักการใช้ลูกคิด ช่วยในการคิดคำนวณ และลูกคิดนี้ก็ยังใช้กันอยู่ในปัจจุบัน 

ค.ศ.1617
           จอห์น เนเปียร์ (John Napier) นักคณิตศาสตร์ชาวสต๊อตได้ประดิษฐ์ตารางลอกการิทึม (Logarithms) ซึ่งช่วยให้การคูณและหารกระทำได้โดยง่ายขึ้นโดย ใช้หลักการบวกและลบ ลอกการิทึก ต่อมาเขาได้ประดิษฐ์เครื่องช่วยคำนวณขึ้นอีก

ค.ศ.1630
           วิเลียม ออกเตรท (William Ongtred) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ ใช้แนวคิดของจอห์น เนเปียร์สร้างสไลด์รูล(Slide Rule) ช่วยในการคูณต่อมาได้กลายเป็น รากฐานในการสร้าง Analog Computer

ค.ศ.1642
           เบลส์ ปาสคาล(Biaise Pascal) นักปรัชญา และนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ได้ประดิษฐ์เครื่องบวกเลขที่สร้างจากเฟือง 8 ตัวเข้าช่วยในการทด แต่ละตัวมีฟันเฟือง ตัวหนึ่งนับครบ 10 อัน เฟืองตัวติดกันทางซ้ายจะขยับไป 1 ตำแหน่งหลักการเครื่องบวกเลขของปาสคาลนี้เป็นรากฐานในการพัฒนาเครื่อง คำนวนในเวลาต่อๆ มา

ค.ศ.1671
           กอดฟรีด ฟอน ไลปนิซ(Gottfricd Von Leibniz) นักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมันได้ประดิษฐ์เครื่องที่ใช้ในการคูณด้วยวิธีบวกเลขซ้ำๆ กันอย่างรวดเร็ว โดยใช้ฟันเฟืองทด(Stepped wheel)

ค.ศ.1745
           โจเซฟ แมรี่ เจคคาร์ด (Joseph Maries Jacquard) ชาวฝรั่งเศษได้คิดเครื่องทอผ้า โดยใช้คำสั่งจากบัตรเจาะรูควบคุมการทอผ้าให้มีสีและลวดลายต่างๆ เครื่องทอผ้าชนิดนี้ถือว่าเป็นเครื่องที่สามารถทำงานด้วยบัตรเจาะรูและใช้โปรแกรมคำสั่งให้ทำงานเป็นเครื่องแรก

ค.ศ.1822
           ชาล์ แบบเบจ (Charles Babbage) ศาสตราจารย์ทางคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์อังกฤษได้ออกแบบสร้างเครื่องคำนวณที่เรียกว่า เครื่องหาผลต่าง(Difference Engine) เป็นผลสำเร็จ โดยได้ดัดแปลงเครื่องคำนวณ เครื่องคิดเลข และบัตรเจาะรู ซึ่งมีอยู่แล้วในสมัยนั้น เครื่องนี้ใช้คำนวณและพิมพ์ตารางค่าของฟังก์ชันต่างๆ ทางคณิตศาสตร์ ต่อมาเขาได้พยายามสร้างเครื่องขนาดใหญ่ เพื่อที่จะได้สร้างตารางค่า ของฟังก์ชันต่างๆ ทางคณิตศาสตร์ ต่อมาเขาได้พยายามสร้างเครื่องขนาดใหญ่ เพื่อที่จะได้สร้างตารางโพลิโนเมียลดีกรีที่หก ที่มีความถูกต้อง ทศนิยมตำแหน่งที่ 20 แต่เขาไม่ประสบความสำเร็จเพราะไม่สามารถกลึงฟันเฟืองและเกียร์ให้ทำงานอย่างเที่ยงแท้แน่นอนได้

********************************************************

ยุคต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์






1.  ยุคหลอดสุญญากาศ    (พ.ศ. 2488 – 2501) 
           หลอดสุญญากาศเป็นชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ขนาดใหญ่ ใช้ประแสไฟฟ้ามากเพื่อเผาหลอดให้เกิด    ประจุอิเล็คตรอน    วิ่งผ่านแผ่นตาราง    ครั้งแรกผลิต    เพื่อใช้งานด้านการคำนวณเลขและพัฒนาเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้หลอดสุญญากาศสามารถเก็บข้อมูลได้โดยใช้แผ่นแม่เหล็กและเทปแม่เหล็ก

2.  คอมพิวเตอร์ยุคทรานซิสเตอร์ (พ.ศ.2500 – 2507)     
           นักวิทยาศาสตร์อเมริกันได้ผลิตทรานซิสเตอร์ขึ้นมาใช้เป็นครั้งแรก ทำให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงและใช้กระแสไฟฟ้าน้อยลง  เป็นต้นกำเนิดของเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ที่บริษัท IBM ผลิตขึ้นเป็นครั้งแรก  ในปี พ.ศ. 2507 ประเทศไทยได้นำมาใช้ในการศึกษาและสำนักงานสถิติแห่งชาตินำเข้าใช้ทำสำมะโนประชากรเป็นครั้งแรก    ในยุคนี้คอมพิวเตอร์ได้ถูกนำมาใช้ในการคำนวณขององค์การนาซ่าของสหรัฐอเมริกาใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมยานอวกาศ  และได้มีการพัฒนาจนถึงปัจจุบัน       

3.  คอมพิวเตอร์ยุควงจรรวม (พ.ศ.2508 – 2512)      
           นักวิทยาศาสตร์     ได้ทดลองนำทรานซิสเตอร์จำนวนมากลงบนแผ่นซิลิกอนขนาดเล็ก และเกิดวงจรบนแผ่นซิลิกอนที่เรียกว่า  ไอ ซี   (Integrated  Circuit : I C)  บริษัท IBM ได้ผลิตคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรรวมที่มีความซับซ้อนและสามารถคำนวณได้หลายล้านครั้งต่อวินาทีนอกจากนั้นยังมีหน่วยความจำที่จุมากขึ้นด้วย ขณะเดียวกันก็ได้มีการผลิตหน่วยเก็บข้อมูลมาเป็น  ฮาร์ดดีส (Hard disk)  ที่เก็บข้อมูลได้มากและรวดเร็ว คอมพิวเตอร์สามารถเก็บข้อมูลและอ่านข้อมูลได้รวดเร็วอีกทั้งยังมีขนาดเล็กลงที่เรียกว่า มินิคอมพิวเตอร์   Minicomputer จึงเป็นที่นิยมใช้กันมาก เป็นเหตุให้มีบริษัทผลิตคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นหลายราย

4.  คอมพิวเตอร์ยุค วี แอล เอส ไอ  (พ.ศ.2513 – 2532)     
           ได้มีการผลิตวงจรรวมขนาดใหญ่มารวมกันในแผ่นซิลิกอนขนาดเล็ก เรียกว่า    วงจร วี แอล  เอส ไอ (Very  Large  Scale  Integrated  circuit : VLSI )  ใช้ทรานซิสเตอร์นับล้านตัวรวมกันบนแผ่นซิลิกอน         ผลิตเป็นหน่วยประมวลผลของคอมพิวเตอร์จนพัฒนามาเป็น ไมโครโปรเซสเซอร์ (Microprocessor)   ซึ่งทำให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กแต่ประสิทธิภาพสูง เรียกว่า ไมโครคอมพิวเตอร์ Microcomputer  วงจร  VLSI  อาจจะเรียกว่า ชิป Chip เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายมากขณะเดียวกันก็ได้มีการพัฒนาระบบหน่วยความจำหรือฮาร์ดดีส   Hard disk ให้มีขนาดเล็กลงแต่มีความจุมากขึ้น เครื่องคอมพิวเตอร์จึงมีขนาดเล็กลงเรียกว่า ปาล์มท็อป Palmtop  เครื่องคอมพิวเตอร์พกพาที่เรียกว่า Notebook
คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่เรียกว่ า Desktop  ในยุคนี้ยังได้มีการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อใช้งานในการประมวลคำ 
ซอฟต์แวร์ตารางทำงานและซอฟต์แวร์กราฟิก  เป็นต้น

5.  คอมพิวเตอร์ยุคเครือข่าย (พ.ศ.2533-ปัจจุบัน)   
           เมื่อมีการพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มีขีดความสามารถสูงขึ้น ทำงานได้เร็ว แสดงผลและจัดการข้อมูลได้มากขึ้นทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้พร้อมกันหลายงาน   ขณะเดียวกันก็มีการนำคอมพิวเตอร์มาเชื่อมโยงเป็น  เครือข่ายขององค์ต่าง ๆ ทำให้การทำงานเป็นกลุ่ม (Work Group) โดยใช้เครือข่ายท้องถิ่นที่เรียกว่า LAN   (Local  Area  Network : LAN) เมื่อมีการเชื่อมโยงกันเป็นกลุ่ม   เกิดเป็นเครือข่ายขององค์กรเรียกว่า INTRANET  และถ้าหากนำเครือข่ายขององค์กรเข้าสู่ข่ายสากลที่เชื่อมโยงกันทั่วโลกเรียกว่า  INTERNET  ที่มีใช้กันมากปัจจุบัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น